18.4.53

ยีสต์ในหู

มินิเกาหู หูแดง ใส่ Otomax มา 10 วันแล้วไม่ดีขึ้น เอาไปหาหมอเผื่อมีไรในหู ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้เพราะหยด revolution ซึ่งป้องกัน ear mite อยู่ทุกเดือน แต่ก็ไปหาหมอให้เช็คดู เจอแต่ยีสต์เต็มเลย คงดื้อยาเก่าแล้วเลยหยดแล้วไม่ได้ผล เอายาตัวใหม่มาใช้ เป็น Aurizon จริงๆ ตัวนี้ก็เคยให้มินิใช้มาหนนึงตอนเด็กๆ แต่อยากลองกลับไปใช้ของพื้นๆดู เพราะ Aurizon แพงกว่ามาก สงสัยเพราะเคยใช้ตัวนี้มาแล้วเลยดื้อยาตัวเก่าไปเลย

ลักษณะที่เป็นคือ หูแดงนิดหน่อย เกาหู เช็ดด้วยสำลีมีขี้หูเล็กน้อยสีเหลืองอ่อน ไม่มีกลิ่น

ต้องหยอดยาอย่างน้อย 14 วัน แถมฝ่าเท้ามินิด้านเป็นหนังหนาขึ้นมาที่ขาหน้าขวาเหมือนเนื้องอกแบบตาปลาด้วย หมอบอกให้ทาครีมใต้ฝ่าเท้า กันเท้าด้าน เพราะคงวิ่งเยอะ แต่ทำไมเป็นขาเดียวล่ะ แล้ว หมามีเท้าด้านเหรอเนี่ย ต้องนวดตรงที่แข็งเยอะๆ เพื่อให้นุ่มลงไปเอง

ตกลงวันนึง ต้องหยอดยาตา 4 ครั้ง นวดฝ่าเท้าหมาด้วยวาสลีน หยอดหู 2 ข้าง ให้อาหาร 2 มื้อ พาไปวิ่งตอนเย็น เป็นทาสมันชัดๆ


3 อาทิตย์แล้ว ยาหมดไป 2 หลอด อาการทรงๆ ไม่ดีไม่เลว ไปเอายามากินเพิ่ม เป็นยาแก้ยีสต์กับแบคทีเรีย กิน 7 วัน รักษาแบบครอบจักรวาลจริงๆ และหยอดหูต่ออีก 2 อาทิตย์  หมอเน้นให้เอาเช็ดหูมาเช็ดทุกวันด้วย พร้อมยา Aurizon ขวดที่ 3 หมาน้อยจอมดูด  ดูดเงินในกระเป๋าทุกวัน เป็นหมาอื่น 7 วันก็หายแล้ว

หูแดง ไม่มีกลิ่น
ขนในหูเยอะ

อาทิตย์ที่ 4 กินยาครบ 1 อาทิตย์ พร้อมกับหยอด Aurizon เช้าเย็น  ตกลงยาหยอดหูหมดไป 4 ขวดแล้ว บางวันผิวที่หูขาวเหมือนจะหาย แต่ก็กลับมาแดงอีก สลับไปมา สงสัยจะเป็นอาการภูมิแพ้ร่วม เริ่มมองหาทางเลือกให้หมา คิดว่าจะลดอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต เพราะจะไปเพิ่มแป้งและน้ำตาลที่ยีสต์ชอบ งดธัญพืชคืองดขนมกินเล่นที่ทำจากแป้งข้าวโพดเด็ดขาด แล้วให้กิน Apple cider vinegar 1ชช ต่อวันดูสัก 30 วัน เผื่อจะดีขึ้น เพราะไม่มีขี้หูเลย ไม่มีกลิ่นด้วย น่าจะมีภูมิแพ้ร่วมทำให้หายช้ามากกว่า

11.4.53

Bubee RIP

ในที่สุดบู้บี้ก็จากเราไป ในวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน

ไม่ใช่เพราะนิ่ว ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ  หรือมะเร็ง ที่เพิ่งไปผ่าตัดเสร็จมา

แต่เพราะตาที่มองไม่เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนตกลงไปในสระว่ายน้ำในที่สุด แน่นอน บู้บี้เคยรอดจากการตกสระมาก่อนไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
แต่เหมือนคราวนี้บู้บี้คงต้องไปจริงๆ ไม่รู้ว่าใครลืมเปิดประตูกั้นทางเดินไปสระว่ายน้ำทิ้งไว้ตอนเช้ามืด ปกติบู้บี้จะต้องตื่นสายๆ เมื่อมีคนตื่นแล้วเดินไปห้องน้ำที่สวนอีกฝั่ง ที่ไม่มีน้ำ แต่บู้บี้ชอบไปทางสระว่ายน้ำมากที่สุด เมื่อไปแล้วเห็นประตูเปิดก็ไปทำธุระหนักแล้วคงเดินกลับที่บ้านปกติ แต่คราวนี้บู้บี้เดินตกลงไปในสระ และวันนั้น มีคนอยู่บ้านน้อยและตื่นสายด้วยคือ เจ็ดโมงกว่า เมื่อมาเห็นบู้บี้จึงสายไปเสียแล้ว

ปกติมีรั้วกั้นล๊อคไม่ให้หมาออกไปได้ แต่บู้บี้ชอบตามคนไปเสมอถ้าประตูเผลอเปิดไว้และต้องคอยเรียกกลับ และเคยตกไปแล้วช่วยขึ้นมาทันก็หลายครั้ง แต่.....
บู้บี้คงไม่อยากตายเพราะมะเร็ง ต้องผ่าตัดบ่อยๆ ทำคีโม



เด็กๆ บู้บี้ชอบไปนอนแช่น้ำตื้นเล่นริมสระให้ตัวเปียกๆทุกวัน บู้บี้คงเลือกตายแบบที่ตัวเองชอบมากที่สุด



















ไม่ได้อยู่ในวันที่บู้บี้จากไปเพราะไปเกาะยาว กลับมาบู้บี้ก็ฝังอยู่ในสวนหลังบ้านแล้ว ทำใจมานานแล้วว่าบู้บี้คงอยู่ไม่เกินสื่นปีนี้
12 ปีกว่าที่อยู่ร่วมกันมาในบ้าน มองไปทางไหนๆ บางทีก็อดเห็นบู้บี้ในความทรงจำไม่ได้

8.4.53

คนทิ้งหมา

เมื่อสองวันก่อนมีคนเอาหมามาทิ้ง
คนแบบไหนนะที่ขับรถมาแล้วปล่อยหมาลงกลางถนนหน้าหมู่บ้านที่มีหมาไทยจรจัดอยู่หลายๆ ตัว
หมาที่ปล่อยเป็นพันธ์ทาง น่าตาน่ารัก ยังเด็ก ตัวเล็กสูงสัก 30 ซม. ได้ เขาไม่รู้เหรอว่าหมาแบบนี้อยู่กลางถนนไม่นานก็ตาย หมากลางถนนต้องกัดเก่ง ดุ เอาตัวรอดได้ ไม่ใช่ที่สำหรับหมาเล็ก เรียบร้อย ถูกเลี้ยงมาในบ้าน (สังเกตุได้จากมันไม่ชอบนั่งบนพื้น ชอบนั่งเก้าอี้) เข้าใจว่า บางคนเลี้ยงหมาโดยไม่รู้ว่าตัวเองไม่มีความพร้อม ไม่ได้อยากว่าอะไร แต่น่าจะลองหาคนอุปการะต่อให้หมาสักหน่อยก็ดี ไม่ใช่ปล่อยทิ้งกลางถนนแบบนี้ ออกจะมีรถขับน่าคิดได้ดีกว่านี้

บ้านแฟนสงสารเก็บมาอาบน้ำ พาไปหาหมอ กะว่าให้ถ่ายพยาธิ ฉีดยากันหมาบ้าแล้วจะประกาศหาผู้อุปการะให้ หมอบอกอายุน่าจะประมาณ 7 เดือน เพราะมีฟันแท้แล้ว แต่ยังไม่ฉีดยากันบ้าเพราะขนมตาล (ชื่อตั้งใหม่ที่เรียกแล้วหมาไม่รู้จัก ไม่หันเลย) อาจต้องเปลี่ยนที่อยู่ ให้อยู่ที่ไหนได้บ้านถาวรแล้วค่อยมาฉีดยา แค่ถ่ายพยาธิไปก่อน

วันรุ่งขึ้นมีคนรับอุปการะขนมตาล โดยไม่ได้เห็นหน้าตาด้วยซ้ำว่าเป็นยังไง ไม่ได้มีรถขับ ไม่ได้ร่ำรวย พอได้เห็นขนมตาลตัวเป็นๆ บอกน่ารักมาก เรียบร้อย เอากลับไปบ้านเลย วันรุ่งขึ้นถามว่าเป็นไง เจ้าของใหม่บอก กินง่าย สุภาพ ไม่เห่า เข้ากับหมาตัวเก่าที่บ้านได้ไม่มีปัญหา แต่ขนมตาลยังไม่รู้จักชื่อใหม่ ต้องเรียก มามะถึงจะมาหา และชอบนั่งที่สูงๆ ขนมตาลคงคิดว่า 2 วันนี้เจ้าของหายไปไหน ถูกเอาไปไว้บ้านโน้นบ้านนี้มีแต่คนแปลกหน้า ได้นั่งตักคนใหม่ๆ ไปที่ใหม่ๆ แต่ขนมตาลดูเหมือนจะควบคุมมารยาทได้ดีมาก นอกจากหางตกแล้วไม่ทำท่าตื่นเต้นหรือเห่าเลย

วันหลังจะเอารูปขนมตาลมาลงว่าน่ารักยังไง



7 วันผ่านไปขนมตาลมีความสุขดีที่บ้านใหม่และจำชื่อได้แล้ว

6.4.53

มินิกับ pigment ที่ตา


มินิหาหมอตามาเกือบ 5 เดือนแล้ว เนื่องมาจากตอน 2 เดือนมีแผลที่ตาทั้ง 2 ข้าง และรักษาแผลหายแล้ว โดยกินยา ฉีดยาอะไรไม่รู้อยู่ 10 วัน ต่อมาพออายุได้ 1ปี  7 เดือน เจอหมอทักว่าตาเป็นแผล ให้ไปหาหมอฉันทนีย์ที่ทองหล่อ ปรากฏว่าปัญหาของมินิจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่แผลใหม่ที่เล็กน้อย แต่ตาทั้ง 2 ข้างเป็น ฝ้าดำ เกือบครึ่งตาทำให้มองเห็นไม่ชัด และต้องรักษา pigment ดำๆ ที่ติดอยู่บนตาทั้ง 2 ข้างออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้การมองเห็นของมินิดีขึ้น

4 เดือนผ่ามา มินิ ต้องหยอดตาวันละ 4 ครั้ง รอบ 8.00,11.00,15.00,20.00 ทุกวัน โดยหยอดยากระตุ้นน้ำตาประเภท Cyclosporine ยาทำให้รอยดำจางพวก maxitrol และน้ำตาเทียมป้องกันตาแห้ง
พวก lacryvisc และตัว maxitrol ใช้แบบ on and off สลับไปบ่อยถี่ในการควบคุมของคุณหมอ ตอนนี้ หลังจากผ่านไปถือว่าได้ผลดีมาก ฝ้าดำที่ตาจางลงจนเห็นแก้วตาใสๆ แล้ว คุณหมอให้หยอดต่อไปอีก 4 เดือนโดยทำตารางหยอดตารายเดือนสลับยาไปตามเหมาะสม และให้มาย้อมตา เช็คปริมาณน้ำตา ตรวจผลการใช้ยาทุก 2 เดือน คุณหมอบอกว่าดีที่เราเข้าใจและยินดีทำตามการรักษาที่หมอวางไว้ให้ เพราะบางคนก็หาว่าหมอเลี้ยงไข้ อยากบอกคุณหมอแต่ไม่กล้าบอกหรอกว่า เราเชื่อเพราะหมออธิบายให้เราเข้าใจ ให้เราดูผลจากการรักษา ดูตาของมิินิเปรียบเทียบเดือนต่อเดือน หมอเลี้ยงไข้ไม่อยู่ในความคิดเราเลย แต่ที่กังวลที่สุดคือ ไปรักษาหมอที่ไม่เก่ง (เหมือนทุกอาชีพที่มีทั้งคนเก่งและไม่เก่ง)ไม่รู้และไม่มีประสบการ์ณพอที่จะรักษาให้หายได้ต่างหากที่น่ากลัวกว่า

บางทีหยด cyclo แล้วตาขาวมินิแดงแต่แดงข้างเดียว ตอนแรกคิดว่าแพ้ cyclo เปลี่ยนไปใช้ FK อยู่ เกือบ 2 เดือน แต่แพงกว่ามากรับไม่ไหว ลองกลับมาใช้ cyclo อีกเพราะหมอบอกวัดน้ำตาแล้วตอนใช้ Cyclo น้ำตามากกว่าด้วย นี่กลับมาใช้อีก 1 เดือนกว่า ตาขาวข้างขวาแดงอีกแล้ว แต่คิดว่าไม่เกี่ยวกับ cyclo หรอก มินิคงไปเล่นแล้วโดนหญ้าตำตามากว่า ช่วงนี้เหลือหยด maxitrol แค่อาทิตย์ละ 2 วัน เดือนหน้าต้องหยุด maxitrol ไปใช้ acular แทนอีก ทำไมมินิมันยุ่งแบบนี้ไม่รุ

เรายังไม่อยากกังวลว่ามินิต้องหยอด Cyclosporine ไปตลอดชีวิตไหม หมอบอกว่าถ้ารู้แต่ยังเด็กว่าหมาเป็นตาแห้ง การหยอด Cyclosporine สามารถกระตุ้นให้กลับมาสร้างน้ำตาตามปกติได้ แต่กรณี หมาโตแล้วยากมากที่จะคาดเดาว่าจะเห็นผลเหมือนใช้กับหมาเด็ก อาจต้องหยอดไปตลอดชีวิตเลย แต่ปั๊กส่วนมากกว่า 60% เป็นตาแห้ง

ตาแห้งหมายถึงถ้าวัดปริมาณน้ำตาด้วย Schirmer Tear Test แล้วได้ต่ำกว่า 11 mm ก็นับว่ามีแนวโน้มตาแห้ง ปั๊กตาโต โปน จึงเป็นตาแห้งง่าย การให้น้ำตาเทียมช่วยได้บ้างไม่ให้ตาแดงและขี้ตาเยอะ แต่เดี๋ยวนี้มียา Cyclosporine มาหยอดตาเพื่อช่วยกดภูมิคุ้มกันไวเกินที่มาทำลายต่อมน้ำตา และกระตุ้นการสร้างน้ำตา แต่ต้องใช้ร่วมกับยาลดอักเสบและน้ำตาเทียมด้วย

1.4.53

mast cell tumor

เมื่อหมาแก่ มักมีโอกาสเป็นมะเร็ง มะเร็งเกิดจาการแบ่งตัวที่ควบคุมไม่ได้ของเซลล์ ทำให้ทำงานผิดปกติ และบวมขึ้นในบริเวณนั้น ตอนที่ยังไม่ได้ทำเทสต์ทดสอบจะไม่รู้ว่าเป็นแค่เนื้องอกธรรมดาหรือมะเร็ง แต่แน่นอนว่าถ้าเป็นมะเร็งเนื้องอกนั้นจะโตเร็วมาก ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะกระจายไปทั่วตัวผ่านระบบเลือด
บู้บี้ก็เป็นมะเร็ง เนื้องอกที่พุงนั้นใหญ่ขึ้น 2 ซม. ใน 2 เดือน หมอตัดสินใจคว้านออก รวมทั้งเนื้อรอบๆ ด้วย  ตอนที่ไปรับบู้บี้กลับจากผ่าตัด ยังได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นหมาป่วยมาผ่า ที่กินจุมากๆ เพราะปกติหมาหลังผ่าตัดและเป็นมะเร็งมักจะเบื่ออาหาร รออีก 7 วันไปตัดไหม เดี๋ยวนี้มีการทำคีโมให้หมาด้วย แต่คิดว่าบู้บี้อายุ เกือบ 13 ปีแล้ว ตาฝ้าฟางมองไม่เห็น แถมยังไปผ่าตัดนิ่วในทางเดินท่อปัสสาวะไม่สำำเร็จ จนต้องทำเป็นแผลเปิดให้ฉี่ออกมาแบผู้หญิง ฉี่ทุกครั้งเหมือนรดน้ำให้ขาตัวเอง เหม็นมากถ้าไม่ล้างขาและก้นให้ทุกวัน คงไม่ให้บู้บี้ไปลำบากรับคีโมอีก คิดว่าถ้ามีเนื้องอกมาใหม่ก็ผ่าใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะงอกใหม่อยู่แล้ว แต่ปู่บี้ก็สู้ๆ เสมอ โดยเฉพาะเรื่องกิน

หลังจากผ่าตัดได้ 1 อาทิตย์ ก็ไปตัดไหม แผลยาวประมาณ 4 นิ้ว เพราะหมอต้องคว้านเอาเนื้อรอบๆ ออกไปด้วยเพราะเลาะเซล์ที่อาจเป็นมะเร็งรอบๆ ไปให้หมด แผลผ่าตัดแบบนี่ดูแลง่าย ไม่ต้องล้างแผลเลย 7 วัน พอเปิดแผลแล้วแค่ระวังไม่ให้เปียกและล้างแผลด้วยน้ำเกลือใส่เบตาดีนอีกสัก 5 วัน ก็หายเป็นปกติ หวังว่าเนื้องอกคงไม่กลับมาเร็วนัก เพราะผ่าตัดทีะครั้ง ก็หัาพันกว่าบาทแล้ว

ปั๊กแพ้อาหาร Food Allergy Pug

ปกติบู้บี้กิน อาหารเม็ด รสปลาเป็นหลัก เช่น pinnacle รส ปลาเทราส์ หรือ proplan รส salmon (เมื่อก่อนกิน ยี่ห้อ regal รส ปลา ซึ่ง regal นี้เลิกให้กินไป แล้ว หลังจากกินมา 8 ปี ตั้งแต่ 2 ขวบ เพราะแพ้อาหารจากไก่และเนื้อและพบว่าหมาที่เคยกินอาหารยี่ห้อนี้ทั้ง 2 ตัว เป็นนิ่วในช่วงเวลาใกล็ๆ กัน มะหมี่เป็นนิ่วในไต ส่วนบู้บี้เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะในปีเดียวกัน ทั้งคู่เป็นนิ่วแบบเม็ดทราย ซึ่งเป็นไปได้ว่าเกิดจากอาหาร) ตอนหลังพยายามจะปรุงอาหารให้หมากินเองแต่ก็ไม่ค่อยสะดวกเลยยังใช้บริการ อาหารเม็ดอยู่ ปกติบู้บี้แพ้อาหารที่ไม่ใช่โปรตีนจากปลา เราจึงต้องให้ปั๊กทุกตัวที่อยู่ในบ้านกินเหมือนกัน เพื่อประหยัด และสะดวกในการดูแล แต่ถ้าพอมีเวลาจะทำอาหารเสริมให้กินเพิ่ม (ปกติที่บ้านไม่ได้ให้ขนมขบเคี้ยวและ กินเล่นอย่างอื่น นอกจากผลไม้เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยตาก มะม่วง แอปเปิลบ้าง มินิได้กินโยเกิร์ตบ้างนิดหน่อย ไม่ได้ให้ประจำ) ถ้ามีเวลาก็อยากเลิกใช้อาหารเม็ดไปเลย เพราะทุกวันนี้อาหารเม็ดตกกิโลละเกือบ 300 บาท ซื้ออาหารทำเองให้ได้สบายๆ

อาหาร Home cooking ที่ทำเป็นประจำ


ผัดน้ำมันดอกทานตะวัน แบบ cold press กับกระเทียม 1-2 กลีบ ให้หอม ใส่แครอท หรือมันฝรั่ง และมะเขือเทศหั่นลูกเต๋า ลงไปผัดให้หอม ใส่น้ำ ต้มจนผักเปื่อย เก็บไว้เป็นหม้อผัก
นึ่ง ปลาปลาทูสด (ไม่ใช่ปลาทูเค็ม) หรือแซลมอนก็ได้ แล้วแกะเอาแต่เนื้อเก็บไว้ใส่กล่อง แช่เย็นแบ่งไว้เป็นโปรตีนหลัก

ทั้ง สองอย่างทำไว้พอกิน 1 อาทิตย์ เวลาให้กินค่อยตักมาผสมกัน


เนื่องจาก บู้บี้เป็นปั๊กแก่ อาหารผู้สูงอายุคือเคี้ยวง่ายและไม่ทำให้อ้วนและยังแพ้อาหารด้วยกินได้แต่ ปลา ให้กินเนื้อปลานึ่ง 50% ที่เหลือเป็นผัก 50% ใส่น้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวัน ประมาณ 1.5 ซีซี ต่อน้ำหนักตัวต่อวัน

กรณี หมาปั๊กเด็กแบบมินิ ก็ให้กินเหมือนกัน แต่เพิ่มเนื้อสัตว์เป็น 70% (นอกจากปลานึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นไก่นึ่งบ้างก็ได้) ใส่น้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวัน ประมาณ 1.5 ซีซี ต่อน้ำหนักตัวต่อวัน เหมือนกัน


จะให้ กินวันละมื้อหรือสองมื้อก็ตามสะดวก ปกติเราให้สองมื้อก็ลดอัตราส่วนอาหารไป บางทีก็ผสมน้ำผึ้งให้บ้างแต่ไม่ให้น้ำตาลเลย เกลือและน้ำปลาไม่ต้องใช้ ไข่ต้มให้กินบ้างนานๆที


เรื่อง การแพ้อาหารในสุนัข


การที่สุนัขกินอาหารเดิมๆ มานาน บางครั้งกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดคิดเองว่า อาหารที่สุนัขกินเข้าไปนั้นเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำปฏิกิริยาต่อต้านซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาในการพัฒนาพอสมควร ดังนั้นสุนัขอาจไม่มีความผิดปรกติใดๆทั้งที่กินอาหารแบบนั้นมานานแล้ว แล้วทำไมถึงมาแพ้ก็เพราะร่างกายพัฒนาความผิดปรกติมาระยะหนึ่งแล้ว จนถึงจุดที่ร่างกายไม่สามารถทนต่อไปได้ก็แสดงอาการออกมาให้เห็น มักไม่พบว่าหมาเด็กแพ้อาหาร นอกจามีประวัติท้องเสีย หรืออ๊วกรุนแรงจนบังเอิญโปรตีนในอาหารเข้าไปในกระแสเลือดทำให้ร่างกายคิดว่าเป็น allergen ร่างกายจึงสร้างแอนตี้บอดีขึ้นมาต่อต้าน หมาเด็กจึงเกิดการแพ้อาหารได้ยาก แต่ไม่ใช่ว่าหมาโตแล้วเคยกินโปรตีนชนิดนึงมาเป็นปีทำไมถึงแพ้ ก็เพราะการแพ้ต้องใช้เวลาพอสมควรยิ่งกินนานกินมาก ก็ยิ่งมีโอกาสแพ้ได้อยู่แล้ว

ปกติสุนัขที่แพ้ มักแพ้สารกันบูดในอาหารเป็นส่วนใหญ่แต่ ถ้าแพ้โปรตีนที่เป็นหลักของอาหารเช่นโปรตีนจากเนื้อไก่ เนื้อวัว ซึ่งบางคนก็หลีกเลี่ยงไปใช้เนื้อแกะ ในการทดสอบเปลี่ยนอาหาร (แต่ที่จริงสุนัขก้แพ้เนื้อแกะได้ เพราะสุนัขต้องได้รับโปรตีนที่แพ้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงแพ้ ในไทยการเลือกใช้แกะเพราะสุนัขส่วนมากไม่เคยกินแกะมาก่อนคาดว่าจึงไม่น่าแพ้ แต่ถ้าเคยกินมาก่อนก็ไม่น่าใช้ทดสอบได้) การทดสอบที่ดีคือทำอาหารให้สุนัขกินเองโดยเลือกจากแหล่งโปรตีนที่ไม่เคยกิน มาก่อน เช่นกินแต่เนื้อมาตลอดก็ลองให้กินไก่ดู และควรกินอย่างน้อย 2-3 เดือน เพื่อดูว่าอาการแพ้ดีขึ้นไหม ถ้าดีขึ้นให้กลับมากินโปรตีนที่เคยกินเป็นประจำก่อนหน้า ถ้ากลับมาแย่ลงอีกแปลว่าแพ้แน่นอน แต่ถ้าไม่แตกต่างก็แปลว่าไม่แพ้ การทดสอบกินเวลายาวนานมากและควรได้รับการแนะนำโดยแพทย์ บางตัวอาจแค่แพ้สารกันบูดในอาหาร แต่สุนัขที่แพ้ส่วนมาก แพ้อาหารเป็นจำนวนน้อย สัก 20% เท่านั้น 80% แพ้น้ำลายหมัดมากที่สุดเพราะน้ำลายหมัดมีสารที่ไวต่อการกระตุ้นการแพ้

มาดูรูป บู้บี้ก่อนแพ้อาหารและหลังแพ้อาหารกัน


ปกติบู้ บี้กินแต่อาหารที่ทำจากปลาเป็นหลักตลอดชีวิต ตรุษจีนที่ผ่านมา ปู่บู้บี้ไปเจอไก่และเป็ดไหว้เข้าเลยฟาดซะเรียบ 1 อาทิตย์ผ่านไป อาการแพ้อาหารออกมาทีละนิดคือ เอาหน้าถูตามที่ต่างๆ เพราะคัน ขนร่วง ผิวดำ และเที่ผิวรอบปาก คอ ขาหน้าเริ่มเป็นขุยๆ และดำขึ้น ขนร่วงกระจายไปตามแนวคอ ใต้ขาหน้า ลามไปขาหลังเล็กน้อย หูอักเสบ ติดเชื้อยีสต์ จากการกินไก่แค่มื้อเดียวปกติจะใช้เวลาเป็นปีกว่าจะดีขนขึ้นจนปกติ และอีกกว่า 6 เดือน ผิวที่ดำทั้งหมดจะเริ่มกลับมาขาวอย่างเดิม