ปกติบู้บี้กิน อาหารเม็ด รสปลาเป็นหลัก เช่น pinnacle รส ปลาเทราส์ หรือ proplan รส salmon (เมื่อก่อนกิน ยี่ห้อ regal รส ปลา ซึ่ง regal นี้เลิกให้กินไป แล้ว หลังจากกินมา 8 ปี ตั้งแต่ 2 ขวบ เพราะแพ้อาหารจากไก่และเนื้อและพบว่าหมาที่เคยกินอาหารยี่ห้อนี้ทั้ง 2 ตัว เป็นนิ่วในช่วงเวลาใกล็ๆ กัน มะหมี่เป็นนิ่วในไต ส่วนบู้บี้เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะในปีเดียวกัน ทั้งคู่เป็นนิ่วแบบเม็ดทราย ซึ่งเป็นไปได้ว่าเกิดจากอาหาร) ตอนหลังพยายามจะปรุงอาหารให้หมากินเองแต่ก็ไม่ค่อยสะดวกเลยยังใช้บริการ อาหารเม็ดอยู่ ปกติบู้บี้แพ้อาหารที่ไม่ใช่โปรตีนจากปลา เราจึงต้องให้ปั๊กทุกตัวที่อยู่ในบ้านกินเหมือนกัน เพื่อประหยัด และสะดวกในการดูแล แต่ถ้าพอมีเวลาจะทำอาหารเสริมให้กินเพิ่ม (ปกติที่บ้านไม่ได้ให้ขนมขบเคี้ยวและ กินเล่นอย่างอื่น นอกจากผลไม้เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยตาก มะม่วง แอปเปิลบ้าง มินิได้กินโยเกิร์ตบ้างนิดหน่อย ไม่ได้ให้ประจำ) ถ้ามีเวลาก็อยากเลิกใช้อาหารเม็ดไปเลย เพราะทุกวันนี้อาหารเม็ดตกกิโลละเกือบ 300 บาท ซื้ออาหารทำเองให้ได้สบายๆ
อาหาร Home cooking ที่ทำเป็นประจำ
ผัดน้ำมันดอกทานตะวัน แบบ cold press กับกระเทียม 1-2 กลีบ ให้หอม ใส่แครอท หรือมันฝรั่ง และมะเขือเทศหั่นลูกเต๋า ลงไปผัดให้หอม ใส่น้ำ ต้มจนผักเปื่อย เก็บไว้เป็นหม้อผัก
นึ่ง ปลาปลาทูสด (ไม่ใช่ปลาทูเค็ม) หรือแซลมอนก็ได้ แล้วแกะเอาแต่เนื้อเก็บไว้ใส่กล่อง แช่เย็นแบ่งไว้เป็นโปรตีนหลัก
ทั้ง สองอย่างทำไว้พอกิน 1 อาทิตย์ เวลาให้กินค่อยตักมาผสมกัน
เนื่องจาก บู้บี้เป็นปั๊กแก่ อาหารผู้สูงอายุคือเคี้ยวง่ายและไม่ทำให้อ้วนและยังแพ้อาหารด้วยกินได้แต่ ปลา ให้กินเนื้อปลานึ่ง 50% ที่เหลือเป็นผัก 50% ใส่น้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวัน ประมาณ 1.5 ซีซี ต่อน้ำหนักตัวต่อวัน
กรณี หมาปั๊กเด็กแบบมินิ ก็ให้กินเหมือนกัน แต่เพิ่มเนื้อสัตว์เป็น 70% (นอกจากปลานึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นไก่นึ่งบ้างก็ได้) ใส่น้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวัน ประมาณ 1.5 ซีซี ต่อน้ำหนักตัวต่อวัน เหมือนกัน
จะให้ กินวันละมื้อหรือสองมื้อก็ตามสะดวก ปกติเราให้สองมื้อก็ลดอัตราส่วนอาหารไป บางทีก็ผสมน้ำผึ้งให้บ้างแต่ไม่ให้น้ำตาลเลย เกลือและน้ำปลาไม่ต้องใช้ ไข่ต้มให้กินบ้างนานๆที
เรื่อง การแพ้อาหารในสุนัข
การที่สุนัขกินอาหารเดิมๆ มานาน บางครั้งกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดคิดเองว่า อาหารที่สุนัขกินเข้าไปนั้นเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำปฏิกิริยาต่อต้านซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาในการพัฒนาพอสมควร ดังนั้นสุนัขอาจไม่มีความผิดปรกติใดๆทั้งที่กินอาหารแบบนั้นมานานแล้ว แล้วทำไมถึงมาแพ้ก็เพราะร่างกายพัฒนาความผิดปรกติมาระยะหนึ่งแล้ว จนถึงจุดที่ร่างกายไม่สามารถทนต่อไปได้ก็แสดงอาการออกมาให้เห็น มักไม่พบว่าหมาเด็กแพ้อาหาร นอกจามีประวัติท้องเสีย หรืออ๊วกรุนแรงจนบังเอิญโปรตีนในอาหารเข้าไปในกระแสเลือดทำให้ร่างกายคิดว่าเป็น allergen ร่างกายจึงสร้างแอนตี้บอดีขึ้นมาต่อต้าน หมาเด็กจึงเกิดการแพ้อาหารได้ยาก แต่ไม่ใช่ว่าหมาโตแล้วเคยกินโปรตีนชนิดนึงมาเป็นปีทำไมถึงแพ้ ก็เพราะการแพ้ต้องใช้เวลาพอสมควรยิ่งกินนานกินมาก ก็ยิ่งมีโอกาสแพ้ได้อยู่แล้ว
ปกติสุนัขที่แพ้ มักแพ้สารกันบูดในอาหารเป็นส่วนใหญ่แต่ ถ้าแพ้โปรตีนที่เป็นหลักของอาหารเช่นโปรตีนจากเนื้อไก่ เนื้อวัว ซึ่งบางคนก็หลีกเลี่ยงไปใช้เนื้อแกะ ในการทดสอบเปลี่ยนอาหาร (แต่ที่จริงสุนัขก้แพ้เนื้อแกะได้ เพราะสุนัขต้องได้รับโปรตีนที่แพ้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วจึงแพ้ ในไทยการเลือกใช้แกะเพราะสุนัขส่วนมากไม่เคยกินแกะมาก่อนคาดว่าจึงไม่น่าแพ้ แต่ถ้าเคยกินมาก่อนก็ไม่น่าใช้ทดสอบได้) การทดสอบที่ดีคือทำอาหารให้สุนัขกินเองโดยเลือกจากแหล่งโปรตีนที่ไม่เคยกิน มาก่อน เช่นกินแต่เนื้อมาตลอดก็ลองให้กินไก่ดู และควรกินอย่างน้อย 2-3 เดือน เพื่อดูว่าอาการแพ้ดีขึ้นไหม ถ้าดีขึ้นให้กลับมากินโปรตีนที่เคยกินเป็นประจำก่อนหน้า ถ้ากลับมาแย่ลงอีกแปลว่าแพ้แน่นอน แต่ถ้าไม่แตกต่างก็แปลว่าไม่แพ้ การทดสอบกินเวลายาวนานมากและควรได้รับการแนะนำโดยแพทย์ บางตัวอาจแค่แพ้สารกันบูดในอาหาร แต่สุนัขที่แพ้ส่วนมาก แพ้อาหารเป็นจำนวนน้อย สัก 20% เท่านั้น 80% แพ้น้ำลายหมัดมากที่สุดเพราะน้ำลายหมัดมีสารที่ไวต่อการกระตุ้นการแพ้
มาดูรูป บู้บี้ก่อนแพ้อาหารและหลังแพ้อาหารกัน
ปกติบู้ บี้กินแต่อาหารที่ทำจากปลาเป็นหลักตลอดชีวิต ตรุษจีนที่ผ่านมา ปู่บู้บี้ไปเจอไก่และเป็ดไหว้เข้าเลยฟาดซะเรียบ 1 อาทิตย์ผ่านไป อาการแพ้อาหารออกมาทีละนิดคือ เอาหน้าถูตามที่ต่างๆ เพราะคัน ขนร่วง ผิวดำ และเที่ผิวรอบปาก คอ ขาหน้าเริ่มเป็นขุยๆ และดำขึ้น ขนร่วงกระจายไปตามแนวคอ ใต้ขาหน้า ลามไปขาหลังเล็กน้อย หูอักเสบ ติดเชื้อยีสต์ จากการกินไก่แค่มื้อเดียวปกติจะใช้เวลาเป็นปีกว่าจะดีขนขึ้นจนปกติ และอีกกว่า 6 เดือน ผิวที่ดำทั้งหมดจะเริ่มกลับมาขาวอย่างเดิม